การเลี้ยงกระต่ายให้มีมีสุขภาพดีและมีชีวิตยืนยาวนั้นเราควรใส่ใจตั้งแต่การคัดเลือกลูกกระต่ายแล้วอันนี้ไม่นับการรับเลี้ยงภายหลัง
โดยผู้ที่จะมาเป็นเจ้าของกระต่ายในอนาคตควรศึกษาถึงวิธีการเลี้ยงเบื้องต้นพื้นฐานลักษณะนิสัยโดยรวมจากหนังสือคู่มือการเลี้ยงกระต่ายที่มีขายทั่วไปหรือสอบถามจากผู้เลี้ยงรายอื่นหรือร้านค้าสัตว์เลี้ยง เมื่อตัดสินใจที่จะเลี้ยงแล้วก็มาเลือกกระต่ายกัน โดยมีข้อควรคำนึงเล็กๆน้อยๆในการเลือกสัตว์เลี้ยงทั้งตามหลักวิชาการและจากประสบการณ์ส่วนตัว
- ลักษณะกระต่ายที่มีสุขภาพดี คือ สดใส ร่าเริงกินอาหารเก่ง สนใจสิ่งแวดล้อม เมื่อเราเดินเข้าไปใกล้หรือมีเสียงดัง กระต่ายควรหยุดฟังหรือใบหูมีการตอบสนอง
- ดวงตาสดใส ไม่มีขี้ตาเกรอะกรัง ขนรอบตาเรียบไม่มีสะเก็ดหรือขนร่วง ไม่พบคราบน้ำตาหรือน้ำตาไหล
- จมูกแห้ง ไม่มีน้ำมูกหรือคราบน้ำมูก อาจสังเกตุที่ด้านในข้อมือสองข้าง ถ้ามีคราบน้ำพันขน แข็งคล้ายขนเม่นแสดงว่ากระต่ายมีการเช็ดน้ำมูก
- สังเกตการหายใจ ถ้าอ้าปากหายใจหรือจมูกขยับเพื่อหายใจเร็วกว่าปกติมีเสียงดังขณะหายใจเข้าหรือออก แสดงว่าอาจป่วยด้วยโรคระบบทางเดินหายใจ
- สังเกตใบหูด้านในและนอก นิ้วเท้าสี่ข้างและผิวหนังใต้ขนนุ่ม ต้องไม่มีสะเก็ด หรือกระต่ายแสดงอาการคันมากกว่าปกติหรือไม่
- ลูบคลำเบาๆให้ทั่วตัวดูว่ามีก้อนตามผิวหนังฝีที่เท้าหรือไม่
- กระต่ายถ่ายอุจจาระเป็นก้อนปกติ
- ไม่พบมีน้ำลายไหลเลอะใต้คางถึงมุมปากกินอาหารได้ปกติ
- อายุที่เหมาะสมในการเลี้ยงคือสองเดือนถ้าต่ำกว่านั้นลูกกระต่ายจะมีปัญหาแทรกซ้อนได้ง่าย เช่น ท้องเสียเนื่องจากการเปลี่ยนอาหารภูมิต้านทานต่ำหรือติดเชื้อบิด
ทั้งนี้เจ้าของทั้งมือใหม่และมือเก่าควรใช้เวลาในการเลือกซื้อลูกกระต่ายให้นานขึ้น นอกจากพิจารณาสุขภาพแล้วยังมีเทคนิคอีกเล็กน้อย คือ ควรไปเลือกกระต่ายในช่วงเช้าที่อากาศดี มีแดดอ่อนๆ กระต่ายจะยังสดใสอยู่ ควรเลือกร้านที่มีการระบายอากาศได้ดี สะอาดสะอ้าน และก่อนตัดสินใจเลือก ควรสอบถามอายุ เพศ พันธุ์ให้ชัดเจน รวมถึงอาหารที่ให้อยู่
สายพันธุ์ก็มีความสำคัญเช่นกัน เพราะกระต่ายบางสายพันธุ์มีโรคประจำพันธุ์ที่ต้องระวัง เช่น พันธุ์ Rexที่มีขนเป็นกำมะหยี่ เมื่ออายุมากขึ้นขนที่ฝ่าเท้าบางลงเกิดเป็นฝีที่เท้า (Pododermatitis หรือ Sore hock)พันธุ์ Lop หรือพันธุ์แคระจะมีโครงหน้าสั้น ทำให้มีโอกาสมีปัญหาเรื่องฟันตามมาได้พันธุ์ขนยาว(Angola breed, Teddy) จะมีปัญหาขนพันกัน ขนเป็นสังกะตังง่าย เจ้าของต้องช่วยแปรงขนเป็นประจำหรืออาจเป็นก้อนขนในท้อง ( Hair ball ) ได้ง่ายกว่าสายพันธุ์อื่นด้านนิสัยส่วนตัวของกระต่ายแต่ละสายพันธุ์ก็เป็นข้อพิจารณาที่สำคัญเช่นกันเช่น กระต่ายพันธุ์ Lop หรือกระต่ายหูตกมักมีนิสัยเรียบร้อย นิ่มนวล พันธุ์แคระเช่น Netherland dwaft มักมีนิสัยปราดเปรียว ไม่ชอบให้อุ้มเล่น ชอบออกกำลัง หรือกระต่ายพันธุ์ Rex มักเอาแต่ใจ ไม่ชอบให้อุ้มเล่น เป็นต้น และกระต่ายตัวเมียมักดุกว่ากระต่ายตัวผู้อีกด้วยเมื่อเลือกลูกกระต่ายได้แล้ว ควรพากระต่ายกลับที่พักเลย เพื่อให้กระต่ายได้พักผ่อน ไม่อ่อนเพลียจากอากาศหรือจากการเดินทาง ที่พักหรือบ้านใหม่ของกระต่ายก็สำคัญเช่นกัน ขึ้นอยู่กับพื้นที่อยู่อาศัยของเจ้าของและวิธีการเลี้ยงของแต่ละคน เช่นบ้านทีี่พื้นที่แคบหรือในห้องชุด อาจเลี้ยงในกรงแล้วปล่อยวิ่งเล่นเป็นเวลา หรือบางครอบครัวปล่อยให้วิ่งอิสระในห้อง ทั้งนี้มีข้อควรคำนึงถึงอยู่บ้าง
การเลี้ยงในกรง เจ้าของควรเอาใจใส่ในเรื่องเล่านี้
- กรงที่ใช้ควรมีสภาพดี ตะแกรงไม่ผุกร่อนความกว้างของตะแกรงไม่ใหญ่มากประมาณ1x1นิ้วอาจปรับขนาดตะแกรงตามขนาดตัวกระต่าย มีการระบายอากาศในกรงดี ไม่หมักหมม
- มีกระบอกน้ำสะอาด ถาดใส่อาหารที่ติดกรงหรือมีน้ำหนักพอที่จะไม่ล้มคว่ำ เช่น ถ้วยกระเบื้องดินเผาวางไว้มุมใดมุมหนึ่งของกรง
- สิ่งปูรองในกรง เช่น ฟาง หญ้าแห้ง กระดาษหนังสือพิมพ์ (ระวังการกัดกินกระดาษด้วย)
- ถาดรองใต้กรง อาจใส่ทรายอนามัยแมวไว้กระดาษหนังสือพิมพ์ หรือขี้เลื่อย ไว้ดูดซับกลิ่น
- เจ้าของควรดูแลกรงวันละหนึ่งครั้ง
การเลี้ยงปล่อยในบ้านมีข้อควรคำนึงเช่นกันกล่าวคือ
- กระต่ายเป็นสัตว์ที่ชอบกัดแทะดังนั้นควร ระวังเรื่องสายไฟ พืชที่ปลูกไว้ในบ้านและเครื่องใช้ในบ้าน เช่น โซฟา หรือตู้ เป็นต้น
- กระต่ายเป็นสัตว์ที่ชอบสำรวจ จึงควรระวังการวิ่งออกประตู กระโดดเข้าช่องต่างๆ เช่น การมุดใต้โต๊ะและตู้ต่างๆ
- ขนกระต่ายที่ติดตามพรมหรือเบาะอาจเป็นสาเหตุของภูมิแพ้ได้ ควรหมั่นทำความสะอาดบ้านอย่างเสมอ
จากข้อคิดดังกล่าวมาทั้งหมดคงจะทำให้ลดการสูญเสียกระต่ายตั้งแต่อายุน้อยหรือเพิ่งเริ่มเลี้ยง และทำให้ผู้เลี้ยงกระต่ายมือใหม่มีกระต่ายที่แข็งแรงและมีอายุยืนกันมากขึ้น
ที่มา : หน่วยสัตว์เลี้ยงชนิดพิเศษ โรงพยาบาลสัตว์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์